น้ำมันงาขี้ม้อน (Perilla Oil)

น้ำมันงา สกัดเย็นบริสุทธิ์ ทางSmileDrops มี
น้ำมันงาขี้ม้อน (Perilla oil)   งาม้อนหรืองาขี้ม้อน  เป็นพืชสมุนไพรที่มีประวัติการใช้เป็นอาหาร และยาในประเทศทางแถบเอเชียมานานแล้ว  สำหรับประเทศไทยงาม้อนเป็นพืชที่ปลูกกันมานานในพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัด  น้ำมันงาขี้ม้อน อุดมด้วยวิตามินบีและแคลเซียม  และ โอเมก้า 3   งาม้อนมีกรดไขมันอิ่มตัวสูง  มีฟอสฟอรัส และแคลเซียมมากกว่าพืชผักทั่วไปหลายเท่ามีแคลเซียม 410-485 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม  และยังช่วยในการลดลิ่มเลือดและการเกาะตัวของเกร็ดเลือด ควบคุมไตรกลีเซอไรด์ ในเลือดลดความหนืดของเลือด นอกจากนี้ น้ำมันงาขี้ม้อน มีเปอร์เซ็นต์โอเมก้า 3 มากกว่าน้ำมันปลาจากปลาทะเลน้ำลึกหลายเท่า
– สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งและยังช่วยให้ร่างกายแก่ช้าลงอีกด้วย
– มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบำรุงสมอง ทั้งในการทำงานอย่างเป็นปกติของสมอง เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเซลล์สมอง
– น้ำมันงาขี้ม้อนช่วยการพัฒนาการ และช่วยเสริมความแข็งแรงของเซลล์ของสมอง
– ช่วยลดความเครียดในสมอง บริโภคเป็นประจำจะทำให้นอนหลับสบาย
– ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นอันไซเมอร์
– ช่วยลดโคเลสเตอรอส

ผลลัพธ์ที่ได้อาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่บุคคล

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 500 มิลลิกรัม/แคปซูล ประกอบด้วย

  • กรดไลโนเลนิค/โอเมก้า3 (Linolenic Acid/Omega3) 312mg.        62.4%
  • กรดไลโนเลอิค/โอเมก้า6 (Linoleic Acid/Omega6) 79mg.          15.84%
  • กรดโอเลอิค/โอเมก้า9 (Oleic Acid/Omega9) 59mg.                  11.14%
  • โปรตีน (Protein) 1.5mg.                                                                0.3%
  • วิตามินอี (Vitamin E) 0.21mg.                                                        0.7%
cold pressed oil, produce from natural products 100%

วิธีบริโภค : รับประทานวันละ 2 แคปซูล พร้อมหรือหลังอาหาร

 

งาขี้ม้อน สรรพคุณของ งาขี้ม้อน มีกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวสูง กรดนี้ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอลไม่ให้มีมากเกินไป ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดแข็ง นอกจากนี้ยังมีผุ้สะกัดเอาสารจากงาขี้ม้อน ไปทำเครื่องสำอางค์บำรุงผิวอีกด้วย

คนเหนือจะนำงาขี้ม้อนนี้มาทำอาหารกินเล่น โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว นอกจากข้าวหลามเผาสุกใหม่แล้ว … เด็กๆจะชอบกันมากหากได้นั่งผิงไฟ และกินข้าวเหนียวผสมงาขี้ม้อน ซึ่งเรียกว่า “ข้าวหนุกงา” บางท้องถิ่นเรียกว่าข้าวเหนียวงา บางท้องถิ่นเรียก ว่าข้าวแดกงาก็มี ,ข้าวหนุกงานั้น มีส่วนผสมสำคัญคือข้าวเหนียวนึ่งสุก งาขี้ม้อนและเกลือ มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะกับเด็กๆ เพราะทั้งมีคุณค่าและอร่อย

 

เม็ดกลมเล็กสีน้ำตาลหม่น เป็นพืชพื้นถิ่นทางภาคเหนือที่มักปลูกกันมากบนภูเขา ชอบความชุ่มชื้นและทนกับความแห้งแล้งได้ดี ฤดูฝนจะเติบโตให้ผลผลิตดีกว่าฤดูกาลอื่น ใช้เวลาปลูกเพียง 4 เดือน ก็เก็บเกี่ยวได้

แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี ข้อมูลทางอาหาร ชาวล้านนาใช้งาขี้ม้อนทำของว่างชื่อ “ข้าวหนุกงา” โดยนำงาขี้ม้อนมาคั่ว โขลกพร้อมกับเกลือ นำไปคลุกเคล้ากับข้าวนึ่งร้อนๆ

 

“งาขี้ม้อน” มีกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวสูง กรดนี้ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอลไม่ให้มีมากเกินไป ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดแข็ง ป้องกันโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดบางชนิด ช่วยแก้อาการไม่สบายต่าง ๆ ที่เกิดจากระบบประสาท เช่น นอนไม่หลับ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เป็นเหน็บชา ปวดเส้นตามตัว แขน ขา เบื่ออาหาร ท้องผูก เมื่อยสายตา ควรหันมารบประทานงาเป็นประจำ และยังช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในเลือด ที่สำคัญงายังเป็นอาหารต้านมะเร็งอีกด้วย นักวิทยาศาสตร์หลายท่านกล่าวว่าสาร “เซซามอล” ที่มีอยู่ในงานั้นป้องกันมะเร็งได้ และยังทำให้ร่างกายแก่ช้าลงอีกด้วย นำเมล็ดมาตำประคบแก้อาการข้อพลิก (โครงการพิพิธภัณฑ์ชาวเขาออนไลน์, 2550)

 

งาม้อนพืชวิเศษสุดให้โอเมก้า 3 ทดแทนปลาทะเลน้ำลึก

งาม้อนหรืองาขี้ม้อน เป็นพืชสมุนไพรที่มีประวัติการใช้เป็นอาหาร และยาในประเทศทางแถบเอเชียมานานแล้ว สำหรับประเทศไทย

งาขี้ม้อน เป็นพืชที่ปลูกกันมานานในพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัด เช่น จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน เป็นต้น

 

งาม้อนอุดมด้วยวิตามินบีและแคลเซียม

งาม้อน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง งาม้อนมีกรดไขมันอิ่มตัวสูง มีฟอสฟอรัส และแคลเซียมมากกว่าพืชผักทั่วไปหลายเท่า

มีแคลเซียม 410-485 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม นอกจากนั้นยังอุดมด้วยวิตามินบี และมีสารเซซามอลที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนกล่าวว่า สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งและยังช่วยให้ร่างกายแก่ช้าลงอีกด้วย มีข้อมูลจากห้องปฏิบัติการ โภชนาการหน่วยบริการการวิจัยด้านอาหาร กรมวิชาการ-เกษตรแห่งสหรัฐอเมริการะบุว่า บุคคลทั่วไปอายุ 10-18 ปี และอายุ 19-65 ปี ต้องการแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน และอายุมากกว่า 65 ปี ต้องการแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัมต่อวัน

“งาขี้ม้อน มีโอเมก้า 3 ถึงร้อยละ 56 และเป็นโอเมก้า 6 ร้อยละ 23  เมื่อพูดถึงโอเมก้า 3 หลายคนคงนึกถึงน้ำมันปลา (fish oil) ซึ่งสกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึก ที่มีสรรพคุณบำรุงสมอง”

แต่ราษฎรที่อยู่ตามยอดดอยต่างๆ ในภาคเหนือของประเทศไทย อยู่ห่างไกลทะเล คงไม่สามารถหาปลาทะเลน้ำลึกมา รับประทานได้ แต่ปรากฏว่าชาวเขาชาวดอยเหล่านั้นไม่ได้ขาดโอเมก้า 3 เลย เนื่องจากเขามีพืชที่วิเศษที่เป็นแหล่งโอเมก้า 3 บริโภคแทนปลาจาก ทะเลน้ำลึกนั่นเองสารสกัดจากเมล็ดงาม้อนเป็นแหล่งของกรดไขมันจำเป็นคือ โอเมก้า 3 จากเวปไซด์ pantip.com ระบุว่างาม้อนเป็นพืชชนิดเดียว ที่มีโอเมก้า 3 ซึ่งในงาม้อน มีเปอร์เซ็นต์โอเมก้า 3 มากกว่าน้ำมันปลาจากปลาทะเลน้ำลึกหลายเท่า (ปลาแซลมอนอบขนาด 85.05 กรัม จะมี โอเมก้า 3 เพียง 2 กรัม คิดเป็นร้อยละ2.35 เท่านั้น)

ผลลัพธ์ที่ได้อาจเปลี่ยนแปลงไปแล้วแต่บุคคล